15 วิธีแก้เท้าเหม็น ทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน

หลายคนมีปัญหาที่กลัดกลุ้มใจและน่าอับอายเรื่องกลิ่นเท้า (แต่บอกใครไม่ได้ 😅😅😅) กลิ่นเท้าเป็นสิ่งที่สร้างความรำคาญใจอย่างรุนแรงให้กับทั้งเจ้าของกลิ่นและผู้ที่ได้กลิ่น ซึ่งเจ้ากลิ่นเท้าอันแสนรัญจวนนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น รองเท้าหรือถุงเท้าไม่สะอาด มีความอับชื้น การล้างเท้าไม่สะอาด หรือในบางรายที่มีเหงื่อมากก็จะเกิดการหมักหมมและเพิ่มความชื้นที่เท้า ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมาได้ แต่เจ้าต้นตอของปัญหาคือแบคทีเรียบางชนิดที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีบนผิวหนัง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในที่อับชื้น ดังนั้นการกำจัดแบคทีเรียนี้ หรือทำให้มันเจริญเติบโตช้าลง จะช่วยให้ปัญหาเท้าเห็นหมดลงได้มาก


เท้าเหม็น ... เรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม


ปัญหาเท้าเหม็นนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และแน่นอนว่ากลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านี้ทำให้หลายคนขาดความมั่นใจและใช้ชีวิตประจำวันลำบาก โดยเฉพาะเวลาที่จำเป็นต้องถอดรองเท้า เช่น การเข้าห้องสมุด การเข้าออฟฟิศที่ต้องถอดรองเท้า หรือแม้กระทั่งการเข้าร้านอาหารบางร้าน วันนี้เราจึงขอแนะนำวิธีแก้เท้าเหม็นที่ได้ผล และสามารถทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้านมาฝากกัน

15 วิธีแก้เท้าเหม็น ทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้าน มีดังนี้

1. ทำความสะอาดเท้าทุกวัน
การทำความสะอาดเท้าทุกวันง่าย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยใช้เแปรงนุ่ม ๆ หรือแปรงสีฟันที่ไม่ได้ใช้แล้วขัดเบา ๆ ให้ทั่ว จะเป็นการกำจัดสิ่งสกปรก แบคทีเรีย และหนังกำพร้าบริเวณเท้าให้หลุดออกไป ทำให้สาเหตุของอาการเท้าเหม็นหมดไปด้วย เมื่อขัดและล้างจนสะอาดแล้ว จึงใช้ผ้าที่สะอาดเช็ดให้แห้ง วิธีนี้เป็นวิธีแก้เท้าเหม็นที่ง่ายที่สุด เนื่องจากเราต้องอาบน้ำทุกวันอยู่แล้ว (ยกเว้นคนที่อาบสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละครั้ง  ควรใช้วิธีอื่น 😝😝😝)

2. มีรองเท้าสำรอง
รองเท้าสำรองเพื่อเปลี่ยนระหว่างวัน อาจจะเป็นรองเท้าแตะหรือรองเท้าผ้าที่ระบายอากาศได้ดี จะสามารถลดการสะสมของความอับชื่น ซึ่งจะช่วยลดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้ดีกว่าการใส่รองเท้าหุ้มส้นทั้งวัน


รองเท้าแตะ/รองเท้าผ้า ควรมีสำรองไว้ในที่ทำงาน


3. ทำความสะอาดรองเท้า
ความสกปรกและความหมักหมมจะสะสมอยู่ที่ทั้งเท้าและรองเท้าของเรา การทำความสะอาดเท้าเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่สามารถแก้อาการเท้าเหม็นให้หมดไปได้ ดังนั้นเราจึงต้องทำความสะอาดรองเท้าอันเน่าเหม็นด้วย (เชื่อเหอะ ทุกคนเคยยกรองเท้าขึ้นดม 5555+) สำหรับรองเท้าที่สามารถซักได้ เช่น รองเท้าผ้าใบ เราควรซักบ่อย ๆ แล้วตากแดดให้แห้ง ความร้อนจากแสงอาทิตย์สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียให้หมดไปได้ แต่สำหรับรองเท้าที่ไม่สามารถซักได้ก็ควรผึ่งให้แห้งอยู่เสมอ อาจใช้แอลกอฮอล์ชุบสำลีทาให้ทั่ว ๆ เพื่อช่วยฆ่าเชื้ออีกแรงก็ได้

4. ดูแลถุงเท้าให้สะอาด
ถุงเท้าคือสิ่งที่อยู่ใกล้ชิดเท้าเรามากที่สุด เป็นสิ่งที่สัมผัสโดยตรงกับเหงื่อและความอับชื้น ดังนั้นถุงเท้าจึงดูดซับเอาความสกปรกเอาไว้มากที่สุด เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การรักษาความสะอาดของถุงเท้าจึงมีความสำคัญมาก ควรซักและตากให้แห้งทุกครั้งเมื่อใช้งานแล้ว ไม่ควรใช้ซ้ำเด็ดขาด และไม่ควรเอามาดม อาจเป็นข่าวหน้าหนึ่งได้ 😅😅😅 ที่สำคัญเราควรเลือกใช้ถุงเท้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ฝ้าย 100% เนื่องจากเส้นใยธรรมชาติสามารถดูดซับความอับชื้นและกลิ่นได้ดีกว่าเส้นใยสังเคราะห์มาก

5. น้ำยาบ้วนปาก
น้ำยาบ้วนปากมักมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำยากำจัดเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นเราจึงสามารถนำมาทำความสำอาดเท้าได้ โดยใช้สำลีสะอาดชุบน้ำยาบ้วนปากให้ชุ่ม แล้วถูให้ทั่วเท้ารวมถึงตามง่ามนิ้วด้วย ก็จะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียและหนังกำพร้าที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียไปพร้อมกันเลย ทิ้งไว้สักพักจึงล้างออกหรือเช็ดด้วยน้ำให้สะอาด

อีกวิธีหนึ่งของการใช้น้ำยาบ้วนปากในการกำจัดกลิ่นเท้าเหม็น คือ การแช่เท้าในน้ำยาบ้วนปาก โดยอาจจะผสมน้ำในอัตราส่วน น้ำ 2 ส่วนต่อน้ำยาบ้วนปาก 1 ส่วน แช่ไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงขัดเท้าเพื่อกำจัดหนังกำพร้าที่ตายแล้วออก ... วิธีนี้เป็นวิธีที่ต้นทุนสูงมาก เนื่องจากน้ำยาบ้วนปากมีราคาแพงนั่นเอง (ไม่รวยจริงก็อย่าหาทำ 😅😅😅)

6. หนังสือพิมพ์
หนังสือพิมพ์มักมีส่วนผสมของคาร์บอน (หรือผงถ่าน) ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับกลิ่น (เช่นเดียวกันกับที่เรานิยมเอาถ่านก้อนดำ ๆ ไปวางไว้ในตู้เย็นเพื่อดับกลิ่นนั่นแหละ) ดังนั้นเมื่อเราเอากระดาษหนังสือพิมพ์ที่ขยำให้เป็นก้อนแล้วยัดเข้าไปในรองเท้า แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน ก็จะช่วยกำจัดกลิ่นในรองเท้าได้มาก

7. สารส้ม
สารส้มเป็นสารที่ช่วยลดเหงื่อและช่วยกำจัดกลิ่น ดังนั้นจึงมีการใช้สารส้มเป็นส่วนผสมหลักในการผลิตโรลออนสำหรับทาหรือพ่นรักแร้ เราเองก็สามารถนำเอาสารส้มมากำจัดกลิ่นเท้าได้เช่นกัน วิธีการก็ไม่ยุ่งยาก เพียงนำสารส้มก้อนมาละลายในน้ำอุ่น แล้วแช่เท้าไว้ 20-30 นาที จากนั้นจึงนำแปรงนุ่ม ๆ มาขัดเท้าและซอกนิ้วเท้าเบา ๆ แค่นี้ก็ช่วยให้เท้าหายเหม็นได้ และได้กำจัดหนังกำพร้าที่ตายแล้วได้อีกด้วย

8. เบกกิ้งโซดา
เบกกิ้งโซดา หรือ Sodium bicarbonate เมื่อละลายน้ำจะมีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ เป็นสารเคมีอเนกประสงค์ มีความสามารถในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคด้วย ดังนั้นเราจึงสามารถนำเบกกิ้งโซดามาทำความสะอาดเท้าเพื่อกำจัดกลิ่นอันรัญจวนใจได้เช่นกัน วิธีการคือนำเบกกิ้งโซดามาละลายน้ำแบบเข้มข้น (ผสมจนหนืดเป็นครีม) แล้วใช้แปรงขัดเท้าหรือแปรงสีฟันจุ่มแล้วขัดให้ทั่วเท้ารวมถึงซอกนิ้วด้วย ขัดเบา ๆ ไปเรื่อยประมาณ 10-20 นาที จากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสบู่และน้ำเปล่า ซับเท้าด้วยผ้าสะอาดให้แห้ง เพียงเท่านี้เท้าเราก็จะหายเหม็น สะอาดหอมฉุย (ท้าให้ลองดมดูก็ได้ 😁😁😁)

9. น้ำส้มสายชู
น้ำส้มสายชูมีส่วนผสมหลักคือ กรดอะซิติก (Acetic acid) ใครไม่รู้จักกรดอะซิติกแสดงว่าโดดเรียนวิชาเคมีบ่อย 😝😝😝 ดังนั้นน้ำส้มสายชูก็คือน้ำกรดนั่นเอง แต่เป็นกรดชนิดอ่อน ไม่ใช่น้ำกรดรุนแรงแบบที่ใช้สาดหน้ากันอย่างที่เป็นข่าวนะ น้ำส้มสายชูสามารถรับประทานได้ เช่นที่ใช้กันในร้านก๋วยเตี๋ยวทุกร้านนั่นแหละ  สภาวะกรดเป็นสภาวะที่แบคทีเรียไม่สามารถเจริญเติบโตได้ แถมตัวมันยังตายได้ง่ายในสภาวะกรดอีกด้วย ดังนั้นเราจึงสามารถประยุกต์เอาน้ำส้มสายชูมาช่วยกำจัดแบคทีเรียที่เท้า ซึ่งเป็นต้นเหตุของกลิ่นที่สังคมเบือนหน้าหนีชนิดนี้ได้ วิธีการคือ นำน้ำส้มสายชูที่มีขายทั่วไปมาผสมน้ำ ผสมแบบจาง ๆ อัตราส่วน 4:1 หรือ 5:1 ก็ได้ แล้วจึงนำเท้าที่มีกลิ่นโชยลงไปแช่ประมาณ 30 นาที เพียงเท่านี้เจ้าเชื้อแบคทีเรียก็กระเจิงหมด จากนั้นจึงล้างซ้ำด้วยน้ำและสบู่ ถ้ายังมีเวลาเหลือก็ขัดเท้าเพื่อลอกหนังกำพร้าเสียหน่อยก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

หมายเหตุ น้ำส้มสายชูทีให้เลือก 2 แบบ คือ น้ำส้มสายชูหมัก ซึ่งหมักจากผลไม้หรือแป้ง (ใช้กระบวนการหมักเพื่อเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล เปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์ และเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้เป็นกรดอีกที) อีกชนิดคือน้ำส้มสายชูกลั่น ซึ่งเป็นการสังเคราะห์ทางเคมีขึ้นมา ชนิดหลังนี่จะมีความเข้มข้นของกรดอะซิติกมาก อาจเกิดการระคายเคืองได้ ดังนั้นจึงควรผสมให้จางกว่าน้ำส้มสายชูแบบหมัก

10. มะนาว
มะนาวมีน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรด เนื่องจากมีส่วนประกอบหลักเป็นกรดซิตริก (Citric acid) ซึ่งเป็นกรดอ่อนและรับประทานได้เช่นเดียวกับกรดอะซิติก แต่การจะนำน้ำมะนาวเป็นถัง ๆ มาแช่เท้าคงไม่แคล้วโดนก้านมะยมอย่างแน่นอน เพราะปัจจุบันมะนาวมีราคาแพง ดังนั้นเราจึงจะใช้เพียงแค่ผลมะนาวที่บีบน้ำออกแล้ว บอกแม่อย่างเพิ่งทิ้ง ขอเอามาขัดเท้ากำจัดกลิ่นเท้าเหม็นก่อน (รับรองว่าแม่จะดีใจมาก 😁😁😁) วิธีการก็ง่าย ๆ เพียงแค่ล้างเท้าให้สะอาด จากนั้นจึงนำมะนาวมาถูให้ทั่วทั้งเท้าและซอกนิ้ว ทิ้งไว้ซักพักแล้วล้างออก เช็ดเท้าให้แห้ง กรดในมะนาวจะกำจัดทั้งกลิ่นและแบคทีเรียออกจากเท้าได้เป็นอย่างดี

11. เกลือ
เกลือ นอกจากจะสามารถนำมาใช้ในการประกอบอาหารและถนอมอาหารแล้ว การล้างเนื้อสัตว์ด้วยเกลือยังสามารถกำจัดกลิ่นเนื้อสัตว์และชำระล้างสิ่งสกปรกออกจากเนื้อสัตว์ได้เช่นกัน นอกจากนี้เรายังสามารถนำเกลือมาทำความสะอาดผิวหนังและกำจัดกลิ่นจากเท้าได้อีกด้วย เนื่องจากเกลือมีความสามรถในการกำจัดเชื้อโรคบางชนิดได้ สังเกตุได้จากเวลาเป็นแผลแล้วเราไปเล่นน้ำทะเลแล้วแผลจะหายไว เพราะน้ำทะเล (น้ำเกลือนั่นแหละ) สามารถฆ่าเชื้อโรคได้

การใช้เกลือกำจัดกลิ่นเท้าสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้ เริ่มจากเตรียมน้ำอุ่นมา 1 กะลามัง ใส่เกลือลงไปซัก 5-10 ช้อนโต๊ะ หรือจะมากกว่านี้ก็ได้ถ้ามีเกลือพอ เมื่อเกลือละลายแล้วจึงนำเท้าลงแช่สัก 30 นาที พอเท้าเค็มได้ที่ จึงนำมาล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง เพียงเท่านี้เชื้อแบคทีเรียที่แอบนอนอยู่ที่เท้าและตามซอกนิ้วก็จะถูกกำจัดออกไป เมื่อไม่มีแบคทีเรีย กลิ่นกรุ่น ๆ ก็จะหมดไปด้วย

12. แป้งฝุ่นหรือแป้งโรยเท้า
อย่างที่เราทราบกัน สาเหตุที่เท้ามีกลิ่นเหม็นก็เพราะแบคทีเรีย และแบคทีเรียก็ชอบไปแคมป์ปิ้งในบริเวณที่มีความอับชื้น ดังนั้นถ้าเรากำจัดความอับชื้นออกไปได้ แบคทีเรียก็จอด ไม่สามารถอาศัยและแพร่พันธุ์ต่อได้ และนี่คือที่มาของการใช้แป้งฝุ่นหรือแป้งโรยเท้าเพื่อกำจัดกลิ่นเท้าเหม็น โดยควรใช้แป้งโรยให้ทั่วเท้าภายหลังการอาบน้ำหรือทำความสะอาดเท้าแล้ว (ถ้าไม่ชอบอาบน้ำก็ไม่ควรใช้วิธีนี้ เปลืองแป้งเปล่า ๆ 😁😁😁) โดยโรยแป้งให้ทั่วทั้งเท้าและซอกนิ้ว และควรโรยใส่รองเท้าด้วย เพื่อกำจัดความอับชื้นให้หมดจริงๆ ... แต่ถ้าต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าออฟฟิศ ห้ามโรยแป้งใส่รองเท้า (ยกเว้นใส่ถุงเท้าสีขาว) ไม่เช่นนั้นความฮาจะบังเกิด

13. ใบชา
ใบชามีสรรพคุณในการกำจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อโรคบางชนิดได้ ดังนั้นจึงมีการนำใบชามาช่วยในการแก้เท้าเหม็นอย่างได้ผล วิธีการทำก็ไม่ยาก เริ่มจากนำใบชามาซัก  1 หยิบมือ หรือใครหาไม่ได้ก็เข้า 7-11 ไปซื้อชาแบบซองมา 1 แพ็ค (แต่ใช้แค่ 2-3 ซอง) นำชาลงต้มในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที แล้วปล่อยให้น้ำชาเย็นตัวลง (ห้ามใช้น้ำชาร้อน ๆ ราดรดเท้านะ 😀😀😀) เมื่อน้ำชาเย็นลงแล้วจึงนำมาผสมน้ำครึ่งกาละมัง แล้วแช่เท้าไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง ทำบ่อย ๆ สักอาทิตย์ละครั้ง กลิ่นซากศพที่เท้าจะค่อย ๆ จางลง ไม่เหลือให้เพื่อนแอบนินทาอีกต่อไป

14. กากกาแฟ
กาแฟสดเกิดจากการผ่านน้ำร้อนหรือไอน้ำร้อนไปยังผงกาแฟบดละเอียด เมื่อได้น้ำกาแฟแล้ว ผงกาแฟที่เหลือก็จะกลายเป็นกากกาแฟและถูกทิ้งไปอย่างไม่ใยดี แต่เดี๋ยวก่อน กากกาแฟยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง ทั้งนำมาทำครีมพอกหน้า นำมาขัดผิว รวมถึงสามารถนำมากำจัดกลิ่นเท้าที่เหม็นเน่าได้อีกด้วย วิธีการทำก็ง่ายนิดเดียว เริ่มจากล้างเท้าให้สะอาด จากนั้นนำกากกาแฟเพียว ๆ หรือจะผสมครีมอาบน้ำก็ได้ทาให้ทั่วเท้าและซอกนิ้ว แล้วจึงขัดด้วยแปรงขัดเท้าหรือแปรงสีฟัน ขัดเบา ๆ ไปเรื่อย ๆ พอเมื่อยได้ที่ก็พอ ล้างออกแล้วเช็ดเท้าให้แห้ง แค่นี้เท้าก็จะหมดกลิ่นเหม็นแถมยังมีกลิ่นหอมคาปูชิโนอ่อน ๆ อีกด้วย 😜😜😜

15. สเปรย์ดับกลิ่นเท้า
ถ้าลอง 14 วิธีข้างบนแล้วยังไม่ได้ผล กลิ่นช้างตายยังฝังอยู่ในเท้า แสดงว่าเราอยู่ขั้นสุด เป็นตัวตึงในเรื่องกลิ่นเท้าแล้วละ 😁😁😁 แต่อย่าเพิ่งหมดหวัง ยังเหลืออีกหนึ่งวิธี จ่ายแพงหน่อยแต่ผลแน่นอน คือ การใช้สเปรย์ดับกลิ่นเท้า ซึ่งสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่ถ้ากลัวเภสัชกรสำลักกลิ่นก็สั่งเอาทางเน็ตได้ ชอปปี้ ลาซาด้า มีขายทุกที่ ขวดละร้อยกว่าบาท ซื้อมาแล้วก็พ่นใส่เท้าและรองเท้าก่อนออกจากบ้าน จะสามารถระงับกลิ่นเท้าเหม็นได้ทั้งวัน แต่ถ้าสเปรย์ดับกลิ่นเท้ายังเอาไม่อยู่ แนะนำให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง เพราะน่าจะมีอะไรบางอย่างผิดปกติขึ้นแล้ว รีบพบแพทย์และรีบรักษา เป็นวิธีการที่ดีที่สุด

เท้าเหม็นเป็นปัญาที่บางคนอาจมองข้าม แต่ในความเป็นจริงแล้วมันส่งผลเสียอย่างมากต่อบุคคลิกภาพ รวมถึงความมั่นใจในการเข้าสังคม แถมยังไม่ค่อยจะมีคนกล้าบอกว่าเราเท้าเหม็น ยกเว้นเพื่อนที่สนิทกันขนาดล้อชื่อพ่อกันได้เท่านั้นที่จะกล้า ดังนั้นเมื่อพบว่าตัวเราเท้าเหม็น (ถ้าจมูกไม่ทรยศ เราก็น่าจะรู้ตัวแหละ) ต้องรีบแก้ไขทันที ซึ่งถ้าไม่มีปัญหาสุขภาพอย่างอื่นแอบแฝง 15 วิธีแก้เท้าเหม็นด้านบนใช้ได้ผลอย่างแน่นอน ... วันนี้ท่านเช็คกลิ่นเท้าตัวเองแล้วหรือยัง?



อย่าเพิ่งซื้อบ้าน ถ้ายังไม่รู้สิ่งนี้ !!!

ซื้อบ้าน ต้องดูอะไรบ้าง?

คำถาม ... จะซื้อบ้าน ต้องดูอะไรบ้าง? เฉลย ... บ้านคือหนึ่งในปัจจัย 4 ซึ่งมนุษย์ทุกคนต้องการ และในการซื้อบ้านนั้นเป็นการตัดสินใจทางการเงินค...

ความรู้รอบตัว...แนะนำ